วันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2561

วิตามินซี ประโยชน์และโทษ ที่คุณไม่เคยรู้

วิตามินซี ประโยชน์และโทษ ที่คุณไม่เคยรู้




Istock 502964550 m

วิตามินซี (ภาษาอังกฤษ: Vitamin C) เป็นหนึ่งในวิตามินที่ร่างกายมีความต้องการเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิต้านทาน ต่อต้านอนุมูลอิสระและช่วยบำรุงผิวพรรณได้อย่างดี ดังนั้นคนเราจึงต้องเสริมวิตามินซีให้เพียงพอต่อความต้องการอยู่เสมอ โดยเราสามารถหาวิตามินซีได้จากพืชผักผลไม้ทั่วไป โดยเฉพาะผลไม้รสเปรี้ยว และจากวิตามินซีที่อยู่ในรูปของอาหารเสริม แต่ทั้งนี้การได้รับวิตามินซีในปริมาณที่มากเกินไป ก็อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้เช่นกัน ซึ่งก็มีเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับวิตามินซี ดังนี้

8 เรื่องควรรู้ เกี่ยวกับวิตามินซี

  1. วิตามินซี มีคุณสมบัติละลายน้ำ จึงสามารถซึมซับเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพในการต่อต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยขับสิ่งแปลกปลอมออกจากร่างกายได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งยังบำรุงผิวพรรณให้ขาวกระจ่างใส ลดปัญหาสิว ฝ้า กระ หมดกังวลเรื่องผิวเสียไปได้เลย
  2. มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างคอลลาเจน และซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสื่อมสภาพให้มีความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ทั้งช่วยบำรุงผิวพรรณให้ดูเนียนใส สัมผัสได้ถึงความเนียนนุ่มเหมือนผิวเด็ก พร้อมฟื้นบำรุงผิวที่แห้งกร้านจากการถูกแดดเผา ให้กลับมาเรียบเนียนและดูมีสุขภาพผิวดีอีกครั้ง
  3. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมธาตุเหล็ก เหมาะกับคนที่ขาดธาตุเหล็กหรือร่างกายสามารถดูดซึมธาตุเหล็กได้น้อย โดยวิตามินซีจะทำให้ร่างกายของเรามีความสามารถในการดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น และได้รับปริมาณของธาตุเหล็กและวิตามินซีที่เพียงพอในแต่ละวัน
  4. ความเครียดจะทำให้วิตามินซีถูกสลายไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากวิตามินซีจะถูกดึงไปใช้เพื่อปรับสภาพอารมณ์ในปริมาณมาก ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงความเครียดและหมั่นทำกิจกรรมเพื่อการผ่อนคลายบ่อยๆ เพื่อให้วิตามินถูกนำไปใช้อย่างช้าที่สุด
  5. วิตามินซีมีศัตรูคือ แสง ออกซิเจน บุหรี่ ความร้อนและน้ำ ซึ่งหากได้สัมผัสกับสิ่งเหล่านี้นานๆ จะทำให้วิตามินซีสลายไปอย่างรวดเร็ว และทำให้ร่างกายขาดวิตามินซีในที่สุด
  6. การทานวิตามินซีในปริมาณที่มากเกินไปก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น อาจทำให้เกิดอาการท้องร่วง ปัสสาวะบ่อย เป็นนิ่วหรือมีผื่นผิวหนัง แถมยังอาจทำให้ผลการตรวจวินิจฉัยโรคบางโรคแปรปรวนไปจากความเป็นจริง เพราะฉะนั้นจึงควรทานวิตามินซีในปริมาณที่พอเหมาะ และหลีกเลี่ยงการทานวิตามินซีเสริมเมื่อต้องตรวจวินิจฉัยโรค เช่น โรคมะเร็ง เพื่อให้ผลตรวจออกมาตรงตามความเป็นจริงมากที่สุด
  7. ปริมาณวิตามินซีที่ควรได้รับ คือ 60 mg. ต่อวัน ในคนปกติ ส่วนในหญิงตั้งครรภ์หรือผู้สูงอายุ ควรได้รับวิตามินซีมากขึ้นประมาณ 70-96 mg. ต่อวัน
  8. การทานวิตามินซีให้ได้ประโยชน์อย่างสูงสุด ควรทานหลังมื้ออาหารหรือทานพร้อมอาหาร เพราะวิตามินซีจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารและวิตามินซีไปใช้งานได้ง่ายขึ้น และไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร
    แหล่งวิตามินซี จากธรรมชาติ
 

วิตามินซีในอาหารที่พบได้มาก

โดยปกติแล้วเราสามารถหาวิตามินซีได้จากธรรมชาติ โดยเฉพาะในพืชผักผลไม้ทั่วไป ซึ่งแหล่งวิตามินซีที่พบได้มากที่สุด มีดังนี้

1. มะขามป้อม

มะขามป้อม มีวิตมินซี 276 มิลลิกรัม/100 กรัม นิยมนำมาทานเพื่อให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า และเป็นยารักษาโรคต่างๆ ซึ่งประโยชน์ของมะขามป้อม มีดังนี้
  • บรรเทาอาการไอและอาการเจ็บคอ ทั้งมีส่วนช่วยในการละลายเสมหะได้เป็นอย่างดี
  • บรรเทาอาการหวัด ลดไข้ ตัวร้อนแค่ไหนแค่ทานมะขามป้อมก็เอาอยู่
  • ช่วยให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่า มีชีวิตชีวา และรู้สึกตื่นตัวมากขึ้น

2. ฝรั่ง

ฝรั่ง มีวิตามินซี 160 มิลิกรัม/100 กรัม สามารถกินได้ทั้งแบบสดๆ จิ้มพริกเกลือหรือจะนำมาทำเป็นฝรั่งแช่อิ่ม แช่บ๊วยก็ได้ แต่แนะนำให้ทานแบบสดๆ จะดีกว่า เพราะมีคุณค่าทางสารอาหารสูง โดยเฉพาะที่เปลือกจะมีวิตามินซีอยู่มากที่สุด โดยฝรั่งมีประโยชน์ ดังนี้
  • ลดไขมันในเลือด ป้องกันและบรรเทาโรคเบาหวาน พร้อมทั้งช่วยปรับระดับความดันให้อยู่ในระดับที่ปกติ
  • มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ป้องกันโรค และอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่จะทำให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่งและช่วยต้านเชื้อโรคต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
  • มีฤทธิ์เป็นยาระบาย แก้อาการท้องผูกและช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
  • บรรเทาอาการปวดฟัน และเสริมสร้างเหงือกและฟันให้แข็งแรง ทั้งยังลดอาการอักเสบของเหงือกได้

3. กีวี

กีวี มีวิตามินซีประมาณ 105 มิลลิกรัม/100 กรัม มีรสชาติอร่อยๆ ทั้งยังมีกากใยสูงและแคลอรี่ต่ำ จึงไม่ต้องกลัวอ้วน อีกทั้งยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุที่มีประโยชน์อีกมากมาย ซึ่งประโยชน์ของกีวี่นั้น มีดังนี้
  • บรรเทาอาการเจ็บคอ ขับเสมหะ พร้อมทั้งบรรเทาอาการไอได้เป็นอย่างดี
  • อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ให้คุณดูอ่อนเยาว์ลง และมีสุขภาพที่แข็งแรงมากขึ้น
  • มีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก สลายไขมันส่วนเกิน ควรทานกีวี่ก่อนมื้ออาหารจะช่วยให้รู้สึกอิ่มและทานอาหารมื้อนั้นได้น้อยลง
  • ป้องกันอาการท้องผูก เหมาะกับคนที่มักจะท้องผูกบ่อยๆ เป็นอย่างมาก และยังช่วยให้ระบบการขับถ่ายทำงานได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น

4. มะละกอสุก

มะละกอสุก มีวิตามินซีประมาณ 70 มิลลิกรัม/100 กรัม มีรสชาติหวานอร่อย ทานง่าย และช่วยให้ระบบย่อยอาหารย่อยได้ง่ายขึ้น ซึ่งประโยชน์ของมะละกอสุก มีดังนี้
  • ป้องกันและรักษาโรคลักปิดลักเปิด และลดความเสี่ยงโรคอาการเลือดออกตามไรฟันได้อย่างดีเยี่ยม
  • อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ที่จะช่วยต้านอนุมูลอิสระ ให้ผิวดูขาวกระจ่างใส และเสริมสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกายมีความแข็งแรงยิ่งขึ้น
  • มีส่วนช่วยในการขับปัสสาวะและเป็นยาระบายอ่อนๆ จัดการกับปัญหาอาการท้องผูกได้อย่างอยู่หมัด รวมทั้งป้องกันโรคนิ่วได้เป็นอย่างดี

5. ส้มโอ

ส้มโอมีวิตามินซีประมาณ 44 มิลลิกรัม/100กรัม สามารถนำมาทานสดๆและนำไปประกอบเมนูอาหารต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย ทั้งยำ สลัดหรือจะนำมาทำเป็นส้มตำก็ได้ โดยประโยชน์ของส้มโอ ได้แก่
  • บรรเทาอาการท้องอืด แน่นท้อง ให้รู้สึกผ่อนคลายและสบายท้องมากขึ้น
  • ลดอาการปวดและป้องกันเลือดออกตามไรฟัน พร้อมบำรุงสุขภาพเหงือกและฟันให้แข็งแรงยิ่งขึ้น
  • แก้หวัด ลดไข้ บรรเทาอาการไอและขับเสมหะ ช่วยให้รู้สึกชุ่มคอ ลดอาการเจ็บคอได้อย่างดีเยี่ยม
นอกจากนี้ก็ยังมีผักผลไม้ชนิดอื่นๆ ที่เป็นแหล่งของวิตามินซีด้วยเช่นเดียวกัน เช่น ส้ม สตรอว์เบอร์รีหรือผลไม้ตระกูลเบอร์รี พริกหวานสีแดง บร็อกโคลี่ ยอดผักหวาน มะระและดอกแค เป็นต้น

วิตามินซีในรูปของอาหารเสริม

 
นอกจากจะหาวิตามินซีได้จากพืชผักผลไม่ทั่วไปแล้ว ก็สามารถทานวิตามินซีได้จากวิตามินเสริมเช่นกัน ซึ่งจะต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับวิตามินเสริม ดังนี้
  1. วิตามินซีเสริมนั้น มีหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบเม็ด แคปซูล น้ำเชื่อม ลูกอมหรือแบบผง ส่วนจะเลือกกินแบบไหนดีนั้น ก็ขึ้นอยู่กับความสะดวกของตัวคุณเอง
  2. การเลือกวิตามินซีเสริมนั้น ควรเลือกที่มี ไบโอฟลาโวนอยด์ รูตินและเฮาเพอริดิน เพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด และช่วยให้วิตามินซีสามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็ว
  3. ควรทานวิตามินซีเสริม ประมาณ 500-4000 mg. ต่อวัน เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินซีอย่างเพียงพอ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีขนาดในการรับประทานระบุมาอยู่แล้ว
  4. ควรเลือกวิตามินซีเสริมที่มี อย. และมั่นใจว่าปลอดภัย 100%
วิตามินซี 

ประโยชน์ของวิตามินซี

  1. มีส่วนช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ให้ผิวมีความเปล่งปลั่งและดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น
  2. มีฤทธิ์เป็นยาระบาย แก้ปัญหาท้องผูก และช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดียิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้หากทานมากไปก็อาจทำให้เกิดอาการท้องเสียแทนได้
  3. ช่วยลดความเสี่ยงมะเร็ง เพราะวิตามินซีจะทำหน้าที่ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ผิดปกติ และขจัดสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย
  4. ป้องกันการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย ลดอาการไข้หวัด และต่อต้านเชื้อไวรัสต่างๆ
  5. เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
  6. สลายไขมัน ลดการเกิดเส้นเลือดอุดตันได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งยังช่วยลดความดันได้ดี
  7. ช่วยให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่าและมีชีวิตชีวามากขึ้น
  8. บำรุงเหงือกและฟันให้แข็งแรง ป้องกันโรคลักปิดลักเปิดและปัญหาเลือดออกตามไรฟันได้เป็นอย่างดี
  9. ช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็ก ทำให้ร่างกายได้รับธาตุเหล็กอย่างเพียงพอ
  10. ช่วยรักษาแผลผ่าตัดให้หายเร็วยิ่งขึ้น โดยเฉพาะคุณแม่ที่คลอดด้วยวิธีการผ่าตัด
    เมื่อร่างกายขาดวิตามินซีจะเกิดอะไรขึ้น?
  11. มีเลือดออกตามไรฟัน หรือมักจะมีอาการปวดบริเวณเหงือกบ่อยๆ ซึ่งบอกได้ถึงเหงือกที่ไม่แข็งแรง
  12. เจ็บกล้ามเนื้อ และมีอาการอ่อนแรง ทั้งที่ไม่ค่อยได้ยกของหนักสักเท่าไหร่ และมักจะมีอาการปวดแปลบๆ บ่อยๆ
  13. ปากแห้งแตกเป็นขุย แม้ว่าจะเป็นช่วงหน้าฝน
  14. แผลหายช้ากว่าปกติ
  15. อ่อนเพลียและรู้สึกเบื่ออาหาร อยากนอนนอยู่ตลอดเวลา แถมไม่ว่าจะทำอะไรก็รู้สึกไม่ค่อยกระปรี้กระเปร่าเอาเสียเลย
  16. ผิวแห้งกร้านคล้ำเสีย ถึงแม้ว่าจะบำรุงผิวอยู่เป็นประจำก็ตาม เนื่องจากเมื่อร่างกายขาดวิตามินซี ก็จะทำให้ขาดคอลลาเจนที่เป็นตัวช่วยสำคัญในการบำรุงผิวไปด้วย
  17. เสี่ยงโรคหัวใจ โรคกระดูกและโรคหลอดเลือดสูง
  18. ภูมิต้านทานต่ำ เป็นหวัดง่าย มักจะเป็นๆ หายๆ อีกทั้งยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัสได้สูง

โทษจากการได้รับวิตามินซีมากเกินไป

  • ทำให้การตรวจวินิจฉัยโรคบางโรคเกิดความผิดพลาด เช่น โรคเบาหวาน มะเร็งหรือการตรวจหาน้ำตาลในปัสสาวะ เป็นต้น
  • เกิดภาวะได้รับธาตุเหล็กมากเกิน เนื่องจากวิตามินซีมีส่วนช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็ก ดังนั้นเมื่อทานวิตามินซีมากไป ก็จะทำให้ได้รับธาตุเหล็กมากไปด้วย ซึ่งก็อาจเกิดผลเสียได้ไม่น้อยเลย
  • มีผลต่อการดูดซึมแร่ธาตุอื่นๆ คืออาจทำให้ได้รับแร่ธาตุนั้นๆ มากเกินไป หรือน้อยเกินไป

ทำความรู้จักวิตามินซีแบบฉีด

วิตามินซีแบบฉีดกำลังเป็นที่นิยมในหมู่สาวๆ เป็นอย่างมาก เพราะเชื่อว่าจะสามารถทำให้ผิวขาวใสได้ด้วยการฉีดเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น แต่ความจริงแล้ววิตามินซีแบบฉีดคืออะไร และมีประสิทธิภาพดีแค่ไหน มาทำความรู้จักกับวิตามินซีแบบฉีดกัน
  1. วิตามินซีแบบฉีด เป็นวิตามินซีเสริมที่ใช้ฉีดเข้าสู่เส้นเลือดโดยตรง โดยประสิทธิภาพในการบำรุงผิวนั้นก็ไม่ค่อยต่างจากวิตามินแบบทานหรือวิตามินซีจากธรรมชาติสักเท่าไหร่ เพียงแต่จะเห็นผลเร็วขึ้นหน่อยเท่า
  2. วิตามินซีแบบฉีด จะมีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่ถูกดึงไปบำรุงผิวพรรณ โดยส่วนที่เหลือจะถูกขับออกทางปัสสาวะโดยไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย
  3. ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถฉีดวิตามินซีเสริมได้ จะต้องมั่นใจว่าตับมีความแข็งแรงมากพอ และไม่มีประวัติเป็นโรคที่อาจเป็นอันตรายต่อการฉีด
  4. ไม่ควรฉีดวิตามินซีเสริมเกิน 2-5 กรัมต่อสัปดาห์ เพราะอาจเกิดผลข้างเคียงได้สูง
  5. ควรดื่มน้ำตามมากๆ หลังฉีดวิตามินซีเสริม เพื่อเจือจางความเข้มข้นของวิตามินซี และป้องกันไม่ให้วิตามินซีไปขัดขวางการดูดซึมสารอาหารอื่นๆ ได้

วิตามินซี กินตอนไหนดี?

วิตามินซี เป็นหนึ่งในวิตามินที่ให้ผลดีต่อสุขภาพ สามารถละลายได้ในน้ำ และมีความจำเป็นต่อร่างกาย โดยเฉพาะตัวช่วยสร้างคอลลาเจนในกระดูกอ่อน หลอดเลือด กล้ามเนื้อ ซึ่งร่างกายจะรับเอาวิตามินชนิดนี้มาจากแหล่งอาหารตามธรรมชาติ หรือเป็นวิตามินซีเสริม โดยเฉพาะผักและผลไม้รสเปรี้ยว ใครที่ต้องการดูแลสุขภาพตัวเองให้ได้ประสิทธิภาพ ควรทราบหลักในการทานวิตามินซี ที่จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมนำไปใช้ได้มากที่สุดด้วย

การกินวิตามินซีให้ถูกวิธี และถูกเวลา

สำหรับการกินวิตามินซีให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ตามความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าเวลาไหนเราก็สามารถเลือกทานวิตามินซีได้ทั้งนั้น แต่ควรเลือกทานให้เป็นประจำทุกวันอย่างสม่ำเสมอ ทว่าหากให้ดีควรเลือกกินเป็นช่วงเช้าประมาณ 9-10 โมงเช้า หลังทานอาหารเสร็จแล้ว เพราะจะช่วยให้วิตามินซีดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย นำไปใช้ได้โดยมีตัวนำพา และจะต้องเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ซึ่งจะอยู่ที่ 1000-2000 มิลลิกรัม ขึ้นไป หากเป็นไปได้ควรเลือกกินเป็นวิตามินซีจากธรรมชาติ ที่ได้จากผักและผลไม้มากกว่าวิตามินซีอัดเม็ด อย่างไรก็ตามเราก็ควรทราบด้วยว่า แม้จะสามารถกินวิตามินซีชนิดนี้ได้ทุกช่วงเวลาที่ต้องการ แต่การจะได้รับให้เพียงพอต่อวันนั้น ยังมีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง กล่าวคือวิตามินซีมีโอกาสเสื่อมสลายได้ง่ายเมื่อสัมผัสโดนออกซิเจน ความร้อน และความชื้นในอากาศ

วิตามินซีทำให้ผิวขาวจริงหรือ?

วิตามินซี ดูเหมือนจะเป็นอาหารเสริมที่ได้รับความนิยมในหมู่คนรักความงาม โดยเฉพาะในเรื่องความขาวใสของผิว ความขาวที่ได้รับหลังการกินวิตามินซีเข้าไปสามารถเป็นไปได้จริง ด้วยหลักการทำงานของวิตามินซีที่ส่วนช่วยลดการเกิดขึ้นของเม็ดสีเมลานิน แก้ปัญหาจุดด่างดำ เมื่อกินไปนานๆ เข้า ก็ทำให้ผิวดูขาวมากขึ้นกว่าผิวเดิม แต่ระดับความขาวที่เกิดขึ้น ก็ไม่ได้มากจนเลยระดับผิวหนังเดิมของตัวเองไปแต่อย่างใด เพราะยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง นอกเหนือจากแค่วิตามินซีเพียงอย่างเดียว ไม่ว่าจะเป็นครีมกันแดด การทำงานกลางแจ้ง หรือปล่อยให้ผิวสัมผัสกับแสงแดดและความร้อนโดยตรงเป็นเวลานาน วิตามินซีก็จะสามารถเข้าไปช่วยให้ผิวขาวขึ้นได้ ส่วนความใสของผิวหน้าหลังจากที่กินวิตามินซีก็มีส่วนที่ช่วยทำให้ใสขึ้นได้เช่นเดียวกัน เพราะวิตามินซีจะช่วยทำให้ผิวชุ่มชื่น และไปลดจุดด่างดำด้วยการทำหน้าที่เป็นสาร Antioxidant ผิวจะดูเรียบเนียนเป็นสีเดียวกัน จึงทำให้ผิวดูใสมีสุขภาพดีมากขึ้น
 

กิน Vitamin C ติดต่อกัน จะเกิดอันตรายหรือไม่?

สำหรับคนที่รับประทานวิตามินซี ชนิดเป็นอาหารเสริม แล้วต้องการรับประทานติดต่อกันเป็นเวลานาน เกิดสงสัยว่าการรับประทานแบบนี้จะส่งผลให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพหรือไม่ แม้จะรับประทานในแต่ละวันในสัดส่วนที่ไม่มากเกินความต้องการของร่างกาย เพื่อไขข้อข้องใจ เรามาดูการทำงานของวิตามินซี และผลจากการรับประทานวิตามินซีดังต่อไปนี้
  • วิตามินซีจะเป็นวิตามินที่สามารถ "ละลายได้ในน้ำ" ดังนั้น หากเป็นเด็กควรได้รับวิตามินซีเพียงแค่ 35-45 กรัม/วัน ส่วนในผู้ใหญ่ควรอยู่ที่ 50-60 กรัม/วัน
  • คนที่สูบบุหรี่ เป็นหวัดง่าย หรือหญิงตั้งครรภ์ สามารถรับได้มากกว่าปกติ
  • การดูดซึมของวิตามินซี จะดูดซึมที่ลำไส้เล็ก ซึ่งการดูดซึมและครั้ง จะขึ้นอยู่กับสัดส่วนที่ร่างกายรับประทานเข้าไป ยิ่งรับประทานมาก ร่างกายก็จะดูดซึมมากตามไปด้วย
  • ผลข้างเคียงจากการรับวิตามินซีมากเกินไป หรือรับประทานติดต่อกันเป็นเวลานาน ยังไม่มีผลรายงานอันตรายต่อร่างกาย แต่ผลที่พบได้บ่อยคือผลข้างเคียงต่อระบบย่อยอาหารและระบบทางเดินอาหาร เนื่องจากการรับประทานในสัดส่วนที่มากเกินไป จะทำให้เกิดอาการท้องเสีย แสบท้อง ไม่สบายท้อง
  • การรับประทานวิตามินซีมากเกินไปเพียงวันละ 1 กรัม พบว่ามีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคนิ่วในไตได้มากกว่าคนทั่วไปที่รับประทานในสัดส่วนพอดีกับความต้องการ     
อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัยมากที่สุด สำหรับคนที่รับประทานวิตามินซีต่อเนื่องเป็นเวลานานหลายปี ควรรับประทานไม่เกิน 1 กรัม/วัน และเลือกเป็นวิตามินชนิด อม ที่ช่วยให้ร่างกายค่อยๆ ดูดซึมเอาวิตามินไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
วิตามินซี เป็นวิตามินทีมีความสำคัญต่อร่างกายของคนเราเป็นอย่างมาก ซึ่งจะช่วยบำรุงทั้งร่างกายให้แข็งแรงและบำรุงผิวพรรณให้ขาวกระจ่างใสดูเปล่งปลั่งยิ่งขึ้น โดยสามารถทานวิตามินซีได้ทั้งจากพืชผักผลไม้ทั่วไปและจากวิตามินซีเสริม แต่ทั้งนี้ควรทานในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อป้องกันผลเสียที่อาจเกิดขึ้นกับร่างกายจากการได้รับวิตามินซีมากเกินไป

คำถามจากผู้อ่านเกี่ยวกับวิตามินซี

การกินวิตามินซีแบบเม็ดเป็นประจำ มีผลข้างเคียงหรือเกิดสารตกข้างภายในร่างกายหรือไม่ อย่างไร

คำตอบองค์การอนามัยโลกแนะนำว่าควรรับประทานวิตามินซีอย่างน้อยวันละ 60-95 มิลลิกรัม แต่ไม่เกิน 2 กรัม ผู้ชายควรได้รับวิตามินซี 90 มิลลิกรัม ผู้หญิงควรได้รับ 75 มิลลิกรัม ผู้ที่สูบบุหรี่ควรได้รับวิตามินซีเพิ่มจากคนปกติอีก 35 มิลลิกรัม สตรีมีครรภ์ควรได้รับวิตามินซี 90 มิลลิกรัม แม่ที่ให้นมบุตรควรได้รับ 75-120 มิลลิกรัม การรับประทานวิตามินซีมากแม้ว่าจะไม่เป็นพิษรุนแรงเพราะร่างกายขับวิตามินซีออกได้ทางปัสสาวะ แต่เมื่อวิตามินซีเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วจะได้กรดออกซาลิก ซึ่งหากกรดนี้มีมากเกินไปก็จะก่อตัวเป็นนิ่วได้ และยังก่อให้เกิดอาการท้องเสียและปวดท้องได้ ทำให้มีการเคลื่อนย้ายแคลเซียมออกจากกระดูกเพิ่มขึ้นจึงลดฤทธิ์ยาจำพวกกันเลือดแข็งตัว เช่น wafarin sodium จึงทำให้เลือดออกมาก ลดการดูดซึมวิตามินบี12 การทานวิตามินซีปริมาณมากในเด็กจะทำให้เกิดผื่นและปวดศีรษะได้ วิตามินซีพบในผลไม้รสเปรี้ยวทุกชนิด มีมากที่สุดในผลมะขามป้อม นอกจากนั้นยังพบในผักใบเขียว มันฝรั่ง มะเขือเทศ วิตามินซีมีหลายรูปแบบ ชนิดที่พบในผลไม้จะดีที่สุดเพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระและป้องกันการเสื่อมของเซลล์ ลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็ง เพิ่มการดูดซึมและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของวิตามินซีได้ดีกว่าวิตามินซีที่มาจากสารเคมีสังเคราะห์ - ตอบโดย สุทธิวรรณ บูรณะพิมพ์ (แพทย์จีน)

ฉีดวิตามินซีเข้าเส้นตามคลินิกความงามนี่ขาวจริงกรอคะ ต่างจากกินยังไง ทำไมมันแพงกว่าเยอะ

คำตอบเรื่องขาวจริงหรือไม่ แล้วแต่ตัวบุคคลครับ วิตามินซีช่วยเพิ่มความกระจ่างใสให้ผิวได้ก็จริงแต่ต้องใช้อย่างระมัดระวังและใช้เมื่อมีข้อบ่งชี้ มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ฉีดให้ ไม่นำไปฉีดเอง สาดหตุที่แพงกว่าแบบกินเพราะว่า แบบกินกับแบบฉีดเป็นคนละรูปแบบ การดูดซึม และแบบกินย่อยในกระเพาะอาหาร ดูดซึมน้อยกว่าแบบฉีดสามารถนำไปใช้ได้เลย - ตอบโดย Rattapon Amampai (Dr.)

ร่างกายสามารถรับวิตามินซีได้มากสุดเท่าไรคะ

คำตอบขึ้นอยูกับขนาดของวิตตามินซีที่รับประทานด้วยค่ะ เช่น หากรับประทานวิตตามินซีขนาด 200 mg ร่างกายก็จะสามารถดูดซึมได้ 100% หากรับประทานวิตตามินซีขนาด 500, 1000,1500 mg ก็พบว่าร่ายกายสามารถดูดซึมได้ประมาณ 50% ซึ่งใกล้เคียงกันค่ะ ดังนั้นหากจะรับประทาน ก็แนะนำให้ทานขนาด 500 มิลลิกรัม เช้า และ เย็นค่ะ - ตอบโดย Buakhao Arpaporn (พญ.)
คำตอบ 2ประมาณ 2000 mg ค่ะ ไม่ควรรับเกินกว่านั้น - ตอบโดย นิชดา พงษ์ธัญญกรณ์ (พญ.)

ที่มา  ::   เว็บไซต์  honestdocs.co



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หากพรุ่งนี้ไม่มีแม่ เมื่ออ่านแล้วคุณจะรักแม่มากขึ้น

หากพรุ่งนี้ไม่มีแม่   เมื่ออ่านแล้วคุณจะรักแม่มากขึ้น วันนี้ลูกๆ หลายคนอาจจะกำลังอยู่กับพ่อกับแม่ในครอบครัวที่แสนสุข ในอ้อมกอดที่อ...